การลงทุนการวิเคราะห์ทางเทคนิค

การอ่านกราฟแท่งเทียน เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มราคาหุ้นและสินทรัพย์

กราฟแท่งเทียนถือได้ว่าเป็นหัวใจสำคัญสำหรับการวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) ซึ่งใช้สำหรับวิเคราะห์แนวโน้มของราคาสินทรัพย์ที่ผ่านมาในอดีตจนถึงปัจจุบัน โดยผู้วิเคราะห์จะทำการสังเกตรูปแบบการเรียงตัวกันของแท่งเทียนแต่ละแท่งในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เราสามาถใช้กราฟแท่งเทียนกับการวิเคราะห์แนวโน้มของราคาหุ้น ค่าเงิน ทองคำ หรือแม้แต่คริปโตเคอเรนซี่ และสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆก็ได้เช่นกัน

กราฟแท่งเทียนถูกคิดค้นโดยชาวญี่ปุ่นชื่อ Munehisa Homma ตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 18 โดยแรกเริ่มนั้นเขาได้ใช้กราฟแท่งเทียนในการวิเคราะห์ราคาข้าว ต่อมาได้มีผู้ประยุกต์นำกราฟแท่งเทียนไปใช้วิเคราะห์ค่าดัชนีหรือราคาสินทรัพย์อื่นๆ เช่น หุ้น ทองคำ ค่าเงิน โดยการนำราคาหรือค่าดัชนีมา plot ลงในกราฟแท่งเทียน แท่งเทียน 1 แท่งจะแสดงราคาเปิด ปิด สูงสุด และต่ำสุด ของช่วงเวลา (Time Frame) ที่เรากำหนด เช่น 1 สัปดาห์ 1 วัน  120 นาที หรือช่วงเวลาอื่นที่สั้นหรือยาวกว่านี้ก็ได้ โดยแท่งเทียนแต่ละแท่งเมื่อถูกแสดงเรียงกันไปเรื่อยๆ จะทำให้เราเห็นรูปแบบการเคลื่อนไหวของราคาในช่วงเวลาหนึ่ง ประโยชน์หลักๆของกราฟแท่งเทียนก็คือใช้ดูแนวโน้มของราคาในอดีตที่ผ่านมาหรือดู Trend ของราคาในปัจจุบันว่าเป็น Uptrend, Downtrend หรือ Sideways และมีนักวิเคราะห์บางคนนำข้อมูล Pattern ของราคาที่เกิดขึ้นไปใช้ทำนายแนวโน้มความน่าจะเป็นของราคาในอนาคต โดยใช้กราฟแท่งเทียนร่วมกับ Indicator ต่างๆ รวมถึงใช้หาจุดกลับตัวของราคาหุ้น (Reversal Pattern) ส่วนมากทุกโบร๊คเกอร์จะมีโปรแกรมที่สามารถดูกราฟพร้อมให้ลูกค้าใช้งานกันอยู่แล้ว

ตัวอย่างรูปกราฟข้างล่างนี้แสดงค่าดัชนีของ SET Index ในช่วงเวลาตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2556 จนถึงเดือนมิถุนายนปี 2557  โดยตั้งค่า Time Frame ให้เป็น Day (หมายความว่าแท่งเทียนหนึ่งแท่งแสดงข้อมูลราคาเปิด ปิด สูงสุด และต่ำสุด ที่เกิดขึ้นในหนึ่งวัน) ถึงแม้ตอนนี้ถ้าเรายังไม่มีความรู้เกี่ยวกับการวิเคราะห์กราฟแท่งเทียนมากนัก เราก็พอจะมองออกจากในรูปว่าช่วงปลายปี 2556 ดัชนีเป็นขาลง แต่ดัชนีได้สิ้นสุดขาลงและเริ่มปรับตัวขึ้นมาเรื่อยๆตั้งแต่ในช่วงต้นปี 2557

graphSET

ทีนี้เรามาดูกันดีกว่าว่าแท่งเทียนหนึ่งแท่งบอกอะไรกับเราได้บ้าง ดูรูปข้างล่างนี้ประกอบครับ

Open คือราคาเปิด, Close คือราคาปิด, High คือราคาสูงสุด, Low คือราคาต่ำสุด
Upper Shadow คือบริเวณใส้เทียนด้านบน, Lower Shadow คือบริเวณใส้เทียนด้านล่าง, Real Body คือบริเวณที่เป็นตัวแท่งเทียน

ถ้าราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด Real Body จะเป็นสีเขียว (บางโปรแกรมแทนด้วยสีขาวหรือเป็นแท่งใส) แต่ถ้าต่ำกว่าราคาเปิด Real Body ก็จะเป็นสีแดง (บางโปรแกรมแทนด้วยสีดำหรือสีทึบ) ในบางกรณีเราจะไม่เห็นความสูงของ Real Body (จะเห็นเป็นแค่ขีด) ถ้าราคาเปิดเท่ากับราคาปิดCandlestickMeaningการวิเคราะห์กราฟแท่งเทียนส่วนใหญ่มักจะทำควบคู่กับการใช้ Indicator ต่างๆประกอบ เช่น MACD, RSI, Volume หรือการลาก Trend Line ที่จุดสำคัญๆในกราฟแท่งเทียนเพื่อหาแนวรับแนวต้าน รวมถึงดู Pattern ความน่าจะเป็นของการกลับตัวของราคาโดยการดูลักษณะของกลุ่มแท่งเทียนตั้งแต่หนึ่งถึงสามแท่งขึ้นไป ทางเราจะทยอยนำเสนอและอธิบายวิธีการต่างๆเหล่านี้ในบทความถัดไป

ก่อนจะจบบทความนี้อยากให้ทุกท่านลองเปิดโปรแกรมกราฟขึ้นมาแล้วเลือกหุ้น หรือสินค้าที่เราเทรด มาพิจารณาซักตัว ดูว่าแท่งเทียนที่แสดงแต่ละแท่งมีหน้าตารูปร่างเป็นอย่างไร คุณอาจจะเห็นบางแท่งมีใส้เทียนที่ยาวมาก บางแท่งไม่มีใส้เทียนเลย ลองสังเกตดูว่าราคาเปิด ปิด สูงสุด ต่ำสุด ของแต่ละแท่งมีผลทำให้รูปร่างของแท่งเทียนเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง ลองทดสอบตั้ง Time Frame ดูหลายๆแบบเช่น ถ้าเราตั้ง Time Frame เป็น Day เราก็ลองใ้ห้โปรแกรมแสดงราคาตั้งแต่ต้นปีที่แล้วถึงปัจจุบัน หรือถ้าเราตั้ง Time Frame เป็น 60 Minutes  เราก็ลองให้โปรแกรมแสดงราคาในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ดูรูปแบบการขึ้นลงของราคา และสังเกตดูด้วยว่า จากจุดสิ้นสุดขาลงไปจุดเริ่มต้นของขาขึ้นหน้าตาของกลุ่มแท่งเทียนตรงช่วงจุดกลับตัวเป็นอย่างไร หรือในทางกลับกันดูว่าจุดสิ้นสุดข้าขึ้น และตอนที่ราคานิ่งหรือเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆนานๆ เป็นอย่างไร


SLOWRICH

Slowrich ทุกเรื่องธุรกิจ สร้างอาชีพ การลงทุน

Related Articles

Back to top button

Adblock Detected

Please consider supporting us by disabling your ad blocker